วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2566

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 16

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 16

เรื่อง การทำงานของโครงงาน


ภาพต่างในการดำเนินงานทำโครงงาน


ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 15

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 15

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

สรุปและสิ่งที่จากการทำโครงงาน

ประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาพัฒนาโครงงาน

1.     -ได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูลไม่ว่าจะเป็นแหล่งหนังสือและอินเทอร์เน็ต

2.     -ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการฐานข้อมูล

3.     -ได้เรียนรู้ฐานข้อมูลที่ใช้กับโปรแกรมต่าง ๆ

4.     -ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำโครงงาน

 

ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาโครงงาน

1.    -เนื้อหามีความซับซ้อน ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

2.   -จากการค้นหาเนื้อหาข้อมูลมีความเข้าใจยากมาก

-ผิดพลาดบ่อยในการทำโครงงานบ่อย

ส่วนยสุดท้ายนำเสนอโครงงาน

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 14

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 14

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

ขั้นที่ 3 การนำไปใช้ (Implementation)

การนำเข้าข้อมูล (importing)

การนำเข้าเป็นการนำเข้าทั้งตารางหมายรวมถึง โครงสร้างและข้อมูลในตารางการนำเข้ามีขั้นตอนดังนี้ 

• คลิกเลือก Tab Import 

• คลิกปุ่ม Browse... เพื่อเข้าไปเลือกไฟล์ที่ต้องการนำเข้าจากแหล่งใด 

• จะมี Dialog การเลือกไฟล์ให้คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการ 

• คลิกปุ่ม open 

• จะกลับมา Dialog การ Import ไฟล์อีกครั้ง สังเกตที่ชื่อ เลือกไฟล์ข้อความ 

• จะมีชื่อไฟล์และตำแหน่งที่ Browse มาแสดงว่าได้ไฟล์ที่จะนำเข้าแล้ว 

• คลิกปุ่ม ลงมือเพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการนา เข้าไฟล์ที่ต้องการนำเข้า มีอยู่ในฐานข้อมูลแล้ว

การส่งออกข้อมูล (Exporting)

การส่งออก(Export) เป็นการนำฐานข้อมูลที่สร้างขึ้น ไปเก็บที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น โดยสามารถทำได้ดังนี้ 

• คลิกหน้าตารางที่ต้องการ ส่งออก หรือ Export 

• คลิกส่งออกจะมีหน้าจอเพื่อใช้ส่งออกฐานข้อมูล 

• จะมีฟอร์มเพื่อกำหนดชื่อไฟล์ชนิดไฟล์ในการส่งออก 

• สังเกตที่ช่องแจ้งการส่งออกจะมีตารางที่ต้องการส่งออก (Export) ให้เลื่อนแถบหน้าต่างลงมา ส่วนล่างเพื่อเลือกคลิก 

• คลิกปุ่มลงมือ จะมี Dialog การบันทึกฐานข้อมูลนี้ เป็น - คลิกปุ่ม SAVE – โปรแกรมจะดำเนินการและมีหน้าต่างขึ้น

การใช้คำสั่ง SQL จัดการฐานข้อมูลและตัวอย่าง

-Data Definition Language : DDL

-Data Manipulation Language : DML

-Data Control Language : DCL

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 13

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 13

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

การออกแบบเชิงกายภาพ (Physical Model)

ขั้นตอนการสร้างฐานข้อมูลและตารางใน MySQL

    1.เข้าสู่หน้า PhpMyAdmin แล้วเลือกแท็บเมนู New เพื่อสร้างฐานข้อมูล

    2.หลังจากเลือกแล้วสร้างฐานข้อมูลโดยกำหนดชื่อตารางและจำนวนคอมลัมน์

    3.กำหนดโครงสร้างข้อมูลในตาราง โดยมีชื่อคอลัมน์ ชนิด ความยาว หมายเหตุ และบันทึกข้อมูลทุกครั้งหลังจากกำนดโครงสร้างข้อมูลต่าง ๆ


โครงสร้างฐานข้อมูลและตาราง

             โดยมีตารางผู้ดูแล นักเรียน ครู ผลการเรียน และรายวิชา


ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 12

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 12

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

สร้างแผนภาพความสัมพันธ์ของตารางข้อมูล (Entity-Relationship Diagram: E-R Diagram)

การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลหลักของระบบฐานข้อมูลผลการเรียนสามารถแสดงความสัมพันธ์ของตารางข้อมูล รวมทั้งหมด  5 ตารางในเชิงตรรกะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลของตารางในระบบเป็นแบบหนึ่งต่อกลุ่ม (One-to-Many) เป็นส่วนใหญ่



และสร้างตารางนักเรียน,ครู,ผลการเรียน,รายวิชา



ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 11

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 11

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

การออกแบบเชิงตรรก (Logical Model)

แบบจำลองโครงสร้างฐานข้อมูล (Entity Relationship Diagram: E-R Diagram)








ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 10

ผลการเรียนรู้ครั้งที่  10

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

ศึกษาความต้องการและกำหนดหัวข้อ
กำหนดขอบเขตการพัฒนาฐานข้อมูล (System Definition)

      1. Admin ผู้ดูแลระบบ

    1.     สามารถเข้าและออกจากระบบได้

    2.     สามารถเพิ่ม/ลบ/แก้ไขข้อมูลสมาชิกได้

    3.     สามารถเพิ่ม/ลบ/แก้ไขข้อมูลผลการเรียนของนักเรียนได้

    4.     สามารถเพิ่ม/ลบ/แก้ไขข้อมูลแต่ละรายวิชา

    5.     สามารถค้นหาผลการเรียนของแต่ละรายวิชา

    6.     ดูรายงานข้อมูลผู้ใช้ออกจากระบบและเวลาออกจากระบบ


2. User สมาชิกผู้ใช้/บุคลากรในโรงเรียน

1.     สามารถเข้าและออกจากระบบได้

2.     สามารถค้นหาผลการเรียนของแต่ละรายวิชา

3.     สามารถค้นหารายวิชา


ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 9

ผลการเรียนรู้ครั้งที่9

เรื่อง การทำงานของโครงงาน

สรุปการทำงานครั้งที่ 1

    หาข้อมูลที่โรงเรียนสตรียะลา

ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับระบบฐานข้อมูล
    ฐานข้อมูล (Database) ฐานข้อมูลหมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน นำมาเก็บรวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน อย่างมีระบบและข้อมูลที่ประกอบกันเป็นฐานข้อมูลนั้น ต้องตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานของ องค์กรด้วยเช่นกัน เช่น ในสำนักงานก็รวบรวมข้อมูล ตั้งแต่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่มาติดต่อจนถึง การเก็บเอกสารทุกอย่างของสำนักงาน ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะมีส่วนที่สัมพันธ์กันและเป็นที่ต้องการนำ ออกมาใช้ประโยชน์ต่อไปภายหลัง ข้อมูลนั้นอาจจะเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของสถานที่ หรือเหตุการณ์ใด ๆ ก็ได้ที่เราสนใจศึกษา หรืออาจได้มาจากการสังเกต การนับหรือการวัดก็เป็นได้ รวมทั้งข้อมูลที่เป็น ตัวเลข ข้อความ และรูปภาพต่าง ๆ ก็สามารถนำมาจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลได้ และที่สำคัญข้อมูลทุก อย่างต้องมีความสัมพันธ์กัน เพราะเราต้องการนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต ระบบฐานข้อมูล (Database System) หมายถึง การรวมตัวกันของฐานข้อมูลตั้งแต่ 2 ฐานข้อมูลเป็นต้นไปที่มีความสัมพันธ์กัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และทำให้การบำรุงรักษาตัวโปรแกรมง่ายมากขึ้น โดยผ่านระบบการจัดการฐานข้อมูล หรือ เรียกย่อว่า DBMS

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 8

ผลการเรียนรู้ครั้งที่  8

เรื่อง (การใช้คำสั่ง SQL)

Select : แสดงข้อมูลตารางที่ต้องการ

ตัวอย่าง

SELECT column1, column2, ...

FROM table_name;


Select * : แสดงข้อมูลทุกตารางและคอลัมที่ต้องการ

ตัวอย่าง

SELECT * FROM table_name;


From : แสดงตารางที่มีเขตข้อมูลที่ปรากฎอยู่ในส่วนคำสั่ง Select

Where : เปรียบเทียบ หรือระบุเขตข้อมูลที่ใช้เลือกระเบียนที่จะรวมอยู่ในผลลัพธ์

SQL And , or , not (Combined = เชื่อมโยงหรือเชื่อมเงื่อน)

ตัวอย่าง 

Select * From

Where Country = 'Germany' And City = 'Berlin';


Order By : จัดเรียงข้อมูล

 - ASC = น้อยไปมาก

ตัวอย่าง

SELECT * FROM Customers

ORDER BY Country ASC;


  - DESC = มากไปน้อย

ตัวอย่าง

SELECT * FROM Customers

ORDER BY Country DESC;


INSERT INTO : เพิ่มข้อมูลลงไปในฐาน 

(สามารถทำได้ครั้งละ 1 เรคอด ถ้าหากจะทำหลายเรคอดต้องทำเป็นวนลูป ส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้)

ตัวอย่าง

INSERT INTO table_name (column1, column2, column3, ...)

VALUES (value1, value2, value3, ...);

ตัวอย่าง

INSERT INTO Customers (CustomerName, City, Country)

VALUES ('Cardinal', 'Stavanger', 'Norway');

** VALUES : ค่าที่จะเพิ่มเข้าไป **


Null Values : เช็คค่าว่าง

-Is null = ไม่มี (ตรวจที่ว่าง แล้วไม่มีที่ว่าง)

-Is not null = มี (ตรวจแล้วมีค่า)

ตัวอย่าง

SELECT column_names

FROM table_name

WHERE column_name IS NULL;

ตัวอย่าง

SELECT CustomerName, ContactName, Address

FROM Customers

WHERE Address IS NULL;


Update : ปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมู

- การแก้ไขข้อมูลที่มีอยู่แล้ว หรือปรับปรุงจากข้อมูล โดยยึดหลักจากข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้วมาแก้ไข

ตัวอย่าง

UPDATE table_name

SET column1 = value1, column2 = value2, ...

WHERE condition;

ตัวอย่าง

UPDATE Customers

SET ContactName='Juan'

WHERE Country='Mexico';

ตัวอย่าง

UPDATE Customers

SET ContactName = 'Alfred Schmidt', City= 'Frankfurt'

WHERE CustomerID = 1;


Delete : การลบข้อมูล

-ใช้คำสั่ง Delete เมื่อต้องการลบข้อมูลทั้งเรคอด(ลบทั้งแถว) 

-ถ้าหากว่ามีชื่อซ้ำจะลบหมดเลย พอลบออกเสร็จแล้วจะขึ้น Rows affected : 1 หรือ 1 = แสดงค่าที่ลบออก

-ไม่สามารถกู้คืนได้

ตัวอย่าง

DELETE FROM table_name WHERE condition;

ตัวอย่าง

DELETE FROM Customers WHERE CustomerName='Alfreds Futterkiste';


Select Top : เป็นคำสั่งที่ใช้ในการระบุจำนวน เรคอด ที่เราต้องการจะดู

ตัวอย่าง 

SELECT TOP number|percent column_name(s) *(s)= สามารถทำได้หลายๆคอลลัม*

FROM table_name

WHERE condition;

ตัวอย่าง 

SELECT * FROM Customers

FETCH FIRST 3 ROWS ONLY;


Min And Max : Min หาค่าน้อยที่สุด และ Max หาค่ามากที่สุด ในคอลลัม 

**จะใช้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขเท่านั้น**

ตัวอย่าง 

SELECT MIN(column_name)

FROM table_name

WHERE condition;

SELECT MIN(Price) AS SmallestPrice

FROM Products;

*As = หาเจอแล้วเป็นคอลลัมใหม่,ชื่อเทียม*

ตัวอย่าง

SELECT MAX(column_name)

FROM table_name

WHERE condition;

SELECT MAX(Price) AS LargestPrice

FROM Products;

ตัวอย่าง

ถ้าหากอยากทราบว่าราคานั้นอยู่ในคอลลัมไหน

Select * from [Products] where price = 263.3; *263.3=ค่าที่รันก่อนหน้า*

Select * from [Products] where price >= 50 and 100;


Count,AVG,SUM



Count : นับจำนวน ต้องอยู่ก่อน from
SELECT COUNT(ProductID)
FROM Products;
Select Count * from products where price = 18; ค่าที่อยู่ระหว่าง 50>=100

AVG : ค่าเฉลี่ย ต้องเป็นตัวเลขเท่านั้น
SELECT AVG(Price)
FROM Products;

SUM : การหาผลรวม ต้องเป็นตัวเลขเท่านั้น
SELECT SUM(Quantity)
FROM OrderDetails;

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 7

ผลการเรียนรู้ครั้งที่  7
เรื่อง พัฒนาระบบฐานข้อมูล

การพัฒนาระบบฐานข้อมูล

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง คือ การได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและรวดเร็ว โดยใช้ระบบสารสนเทศเป็นเครื่องมอในการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของสารสนเทศ ที่พร้อมใช้งานได้ทันที่โดยข้อมูลต้องมีความถูกต้อง 


  ระบบสารสนเทศ

           -ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Mis)

             -ระบบสารสนเทศ สำหรับผู้บริหาร (EIS)


   ขั้นตอนการพัฒนาระบบงาน

           1.เทคนิค

             2.ความรู้

             3.ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ


วงจรการพัฒนาระบบฐานข้อมูล



บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงานระบบฐานข้อมูล

ผู้จัดการฐานข้อมูล

นักออกแบบฐานข้อมูล

กลุ่มผู้ใช้

นักวิเคราะห์ระบบและนักเขียนโปรแกรมประยุกต์

ผู้ออกแบบและพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูล

   การควบคุมฐาน  -ทางกาย

                                -การเข้าถึงข้อมูล

                  

DBLC   : วงจรชีวิตของการพัฒนาระบบฐานข้อมูล

ศึกษาเบื้องต้นเพื่อจัดทำฐานข้อมูล  ---ดูกฏระบเบียบ

*DATA     DICTIIONATY คือ meta data  =ข้อมูลของข้อมูล

                                           คือ รหัสหนังสือ,คีย์เวิดหลักของหนังสือ


 meta data เพื่อช่วยให้นักวิเคราะห์ระบบ  นักโปรแกรมให้เข้าาใจเนื้อหาข้อมูลตรงกัน

  องค์ประกอบ

    - มีชื่อ  ตัวอย่าง student (เก็บอะไร เพื่อ........)

    -แล้วบอกคำนิยามของชื่อนั้น  ตัวอย่าง เพศ ช / ญ


ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 6

 ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 6
เรื่อง การสร้างแบบจำลองความสัมพันธ์ข้อมูล

การสร้างแบบจำลองความสัมพันธ์ของข้อมูล

- Peter Chen คือ คนที่พัฒนาแบบจำลอง E-R Diagram

- มุมมองในการออกแบบฐานข้อมูลและสร้างฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์

- จัดทำแบบจำลองด้วย E-R Diagram ด้วย ซอฟต์แวร์ Diagram Drawio 

คำศัพท์

- Data ดิชั่นนารี = คอยอธิบายในแต่ช่อง 

- Entity , Relation (ตาราง) 

-Attribute (คอลลัมหรือฟิวล์)

-Record(เรคอร์ดหรือแถว)

-Foreign Key(คีย์ที่ตามคีย์เพื่อจับคู่และสร้างความสัมพันธ์)

-Character(ตัวเลขหรือจำนวนเต็ม)

ลักษณะ

(0:1) =มีหรือไม่มีก็ได้

(1:1) = มีข้อมูล เช่น รหัสนักศึกษา , สาขา

(0:N) = เป็นหนี้ต่อกลุ่ม หรือไม่มีก็ได้

(1:N) = หนึ่งต่อกลุ่ม

(M:1) = กลุ่มต่อหนึ่ง

(M:M) = กลุ่มมต่อกลุ่ม แล้วต้องแยกให้เป็น หนึ่งต่อกลุ่ม (เรียกว่า Week Entity ส่วนมากจะเก็บรหัส)

ER Model

ER Diagram คือ แบบจำลองที่ใช้อธิบายโครงสร้างของฐานข้อมูลซึ่งเขียนออกมาในลักษณะของรูปภาพ การอธิบายโครงสร้างและความสัมพันธ์ของข้อมูล (Relationship) ประกอบด้วย

  • เอนทิตี้ (Entity) เป็นวัตถุ หรือสิ่งของที่เราสนใจในระบบงานนั้น ๆ
  • แอททริบิว (Attribute) เป็นคุณสมบัติของวัตถุที่เราสนใจ
  • ความสัมพันธ์ (Relationship) คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเอนทิตี้

ER Diagram มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบงานฐานข้อมูล Application ต่างๆ ที่ต้องการการเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ มีโครงสร้าง ดังนั้น ER Diagram จึงใช้เพื่อเป็นเอกสารในการสื่อสารระหว่าง นักออกแบบระบบ และนักพัฒนาระบบ เพือให้สื่อสารอย่างตรงกัน และเป็นสากลอีกด้วย

สรุปบทที่ 1

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 16

ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 16 เรื่อง การทำงานของโครงงาน ภาพต่างในการดำเนินงานทำโครงงาน